วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

จริยธรรมในโลกของข้อมูล

จริยธรรมในโลกของข้อมูล

          คำว่าจริยธรรมเป็นคำที่มีความหมายกว้างแม้กระทั่งด้านคอมพิวเตอร์ ก็มีการกล่าวถึงในเรื่องจริยธรรมเช่นกันในที่นี้จะกล่าวถึง จริยธรรม ในความหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลและสาระสนเทศในประเด็นต่างๆ ดังนี้
รูปที่ 2.20 การรบกวนความเป็นส่วนตัวโดยโทรศัพท์มือถือ
                2.5.1 ความเป็นส่วนตัว เมื่อข้อมูลปรากฏอยู่ในโลกออนไลน์มากขึ้น ทำให้การรวบรวมข้อมูลการเข้าถึง การค้นหา และการแบ่งปัน ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย และรวดเร็ว ทำให้ข้อมูลบางประเภทที่มีความเป็นส่วนตัวสูง เช่น เลขประจำตัวประชาชน วันเดือนปีเกิด หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ข้อมูลประวัติการรักษา อาจรั่วไหลสู่สาธารณะได้ บางครั้งข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้ อาจถูกนำไปใช้โดยผิดวัตถุประสงค์ของเจ้าของข้อมูล เช่นหมายเลขโทรศัพท์มือถือ  ซึ่งถูกเก็บไว้โดยสถานพยาบาล อาจรั่วไหลไปสู่บริษัทที่มีการประชาสัมพันธ์การขายผ่านโทรศัพท์มือถืออาจทำให้เจ้าของหมายเลขนั้นถูกรบกวนโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นต้น
                ก่อนจะเผยแพร่ข้อมูลทุกครั้ง ต้องคำนึงถึงข้อมูลที่มีความเป็นส่วนตัว ผลเสียจากการเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้ อาจย้อนกลับมาสร้างความเดือนร้อนให้กับตนเองหรือผู้ที่เกี่ยวข้องได้ในอนาคต เช่น นักเรียนโพสต์รูปของตนเองและเพื่อนไว้ในเว็บไซต์เครือข่ายทางสังคม แต่เพื่อนของนักเรียนอาจได้ผลกระทบจากรูปนั้นก็เป็นได้

รูปที่ 2.21 ตัวอย่างการกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้แต่ละกลุ่ม
                ในบางกรณีการไม่เปิดเผยข้อมูลอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ได้ เช่น ในการปรึกษาเกี่ยวกับแพทย์ เรื่องความผิดปกติทางเพศ หรือการเป็นโรคติดต่อร้ายแรง หากต้องเปิดเผยข้อมูลจริงเหล่านี้ การใช้นามแฝงแทนจะเป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการแลกเปลี่ยนข้อมูล แต่กรณีเหล่านี้จะไม่สามารถทำได้ ในเว็บไซต์ที่กำหนดให้กรอกข้อมูลจริง เพื่อสมัครใช้บริการ
                2.5.2 สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูล เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูล ในการเก็บข้อมูลในฐานะข้อมูลจะมีการกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้แต่ละกลุ่ม โดยระบบจะอนุญาตให้ผู้ใช้คนหนึ่งเข้าถึงข้อมูลต้องมีการตรวจสอบว่า จะให้เข้าถึงข้อมูลใดได้บ้าง หรือไม่มีสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลใดบ้าง ตัวอย่างเช่น พนักงานแหนกการเงินซึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลเงินเดือน ไม่ควรได้สิทธิ์นาการเข้าถึงข้อมูลประวิติส่วนตัวของพนักงานทั่วไปได้เป็นต้น ตัวอย่างการกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้แต่ละกลุ่ม ดัง


มุมนักคิด 2.4
                ถ้านักเรียนโพสต์รูปของตนเองที่ไปเที่ยวกับเพื่อน นักเรียนคิดว่าในอนาคตเพื่อนของนักเรียนอาจจะได้รับความเดือนร้อนจากการกระทำนี้หรือไม่ และอย่างไร
                หากการเข้าใช้ระบบเพื่อเข้าถึงข้อมูลเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูล ดังนั้นสิทธิ์ในการเข้าใช้ระบบก็จะอยู่ในเกณฑ์ข้อนี้ด้วย โดยปกติแล้วการเข้าถึงระบบใดๆ นั้น ผู้ใช้จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ดูแลระบบ ( system administrator ) ซึ่งมีหน้าที่คอยดูแล บำรุงรักษาระบบ ให้สามารถทำงานได้เป็นปกติ
การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต  มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2550 เป็นต้นมา มีความผิดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของลิขสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลหลายข้อ ยกตัวอย่างเช่น
มาตรา 5
                ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตนต้องระวางโทษจำคุกไมเกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 7
              ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
              นอกจากนี้ยังมีการระบุความผิดที่เกี่ยวข้องกับการดักรับข้อมูลซึ่งเดินทางอยู่ในระบบเครือข่ายโดยดักรักนี้ไม่ได้รับอนุญาต ก็มีความผิดเช่นกัน
มาตรา 8
              ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
                จะเห็นได้ว่า จากตัวอย่างของพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 นั้น การเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดทั้งจำคุก และปรับ ดังนั้นทุกคนต้องพึงระวังการใช้คอมพิวเตอร์และการเข้าถึงเครือข่าย แม้ว่าการกระทำบางอย่างอาจไม่ใช่ความผิดขั้นร้ายแรงถึงกับมีโทษจำคุกปรับเงิน แต่การกระทำการใดๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรานั้น อาจก่อความรำคาญหรือรบกวนการใช้ของผู้อื่นได้เช่นกัน
                2.5.3 ทรัพย์ทางปัญญา ในกระบวนการผลิตโปรแกรม ระบบปฏิบัติการ รูปภาพ เพลง หนังหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ จำเป็นต้องใช้ต้นทุนสูง และใช้เวลาในการผลิตยาวนาน แต่เมื่อสิ่งเหล่านั้นปรากฏอยู่ในรูปของข้อมูลดิจิทัล ผู้ใช้คนอื่นๆ สามารถทำซ้ำและนำไปใช้ได้โดยไม่ได้จ่ายเงินให้กับผู้ผลิต ก่อให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจ กับเจ้าของข้อมูล ผู้ใช้ต้องพิจารณาขอบเขตของสิทธิ์ที่ตนเองได้รับข้อมูลดังกล่าว และเป็นการสมควรหรือไม่ที่จะได้ดาวน์โหลดและแจกจ่ายข้อมูลดิจิทัลเหล่านั้น
                นอกจากนี้การนำข้อความหรือรูปภาพจากสื่ออินเทอร์เน็ตมาใช้ จะต้องมีการอ้างอิงแหล่งข้อมูลให้ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น การคัดลอกข้อความหรือรูปภาพจากเว็บประกอบในการทำรายงาน โดยไม่อ้างอิงแหล่งที่มา ดัง

รูปที่ 2.22 ตัวอย่างการคัดลอกข้อความ หรือรูปภาพประกอบการทำรายงานโดยไม่อ้างอิงแหล่างที่มา
มุมนักคิด 2.5
                นักเรียนคิดว่า การส่งข้อมูลอีเมล์ที่ได้รับจากเพื่อนสนิทไปยังบุคคลอื่นๆ ในกลุ่มเป็นผลดีหรือผลเสียอย่างไร ให้อธิบาย
                จะเห็นว่า ข้อมูล สารสนเทศ และความรู้เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มีมูลค่าถึงแม้ว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ จะไม่ได้รับการตีราคาออกมาเป็นจำนวนเงิน แต่ผู้ที่มีข้อมูล สารสนเทศ และความรู้ รวมถึงมีวิธีบริหารงานภายในองค์กร และสามารถแข่งขันกับโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี
                ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ รวมถึงการเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม เป็นสิ่งที่ควรรู้ และเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝน ซึ่งในปัจจุบันเครื่องมือทางด้านสารสนเทศเพื่อการเก็บรวบรวม ประมวลผล รวมถึงแสดงข้อมูลและสารสนเทศเหล่านี้ มีให้ใช้ได้อย่างหลากหลาย ควรเลือกใช้ให้ถูกต้อง และมีจริยธรรม ควรพิจารณาได้ดีว่า การใช้เครื่องมือข้อความ รูปภาพ ใดๆ ที่ได้มาควรปฏิบัติอย่างไรจึงจะถูกกฎหมาย และจริยธรรม รวมทั้งไม่สร้างความเดือดร้อน รำคาญให้แก่ผู้อื่น จากการใช้สิ่งเหล่านั้น
เกร็ดความรู้
ทรัพย์สินทางปัญญา แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่
           ลิขสิทธิ์( copyright ) หมายถึง สิทธิ์แต่เพียงเดียวที่กฎหมายรับรองให้ผู้สร้างสรรค์กระทำการใดๆเกี่ยวกับงานที่ตนได้ทำขึ้น อันได้แก่ สิทธิ์ที่จะทำซ้ำ ดัดแปลง หรือนำออกโฆษณา ไม่ว่าในรูปแบบลักษณะอย่างใดหรือวิธีใด รวมทั้งอนุญาตให้ผู้อื่นนำงานนั้นไปใช้ด้วย สำหรับโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือซอฟแวร์ถือเป็นงานที่เข้าข่ายที่มีลิขสิทธิ์
           เครื่องหมายการค้า (Trademark ) ใช้สัญลักษณ์สากล TM หรือ ®  หมายถึงเครื่องหมายที่ให้หรือจะใช้เป็นเครื่องหมายเกี่ยวกับสินค้าเพื่อแสดว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น แตกต่างกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น โดยสัญลักษณ์อาจจะประกอบไปด้วย ชื่อ ข้อความ วลี สัญลักษณ์ ภาพ งานออกแบบ
            สิทธิบัตร ( patent ) หมายถึง สิทธิ์พิเศษที่กฎหมายบัญญัติให้เจ้าของสิทธิบัตรมีสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว ในการแสวงหาประโยชน์จากการประดิษฐ์หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ได้รับสิทธิบัตรนั้น เช่นการผลิตและจำหน่าย เป็นต้น
                สำหรับการละเมิดสิทธิ์ไม่ว่าจะเป็นการคัดลอก หรือผลิตซ้ำเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาทั้ง 3 ประเภทนี้ถือว่าเป็นการกระทำความผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติ
              ตัวอย่างการใช้สัญลักษณ์เพื่อบอกข้อกำหนดของการใช้สื่อ
              อนุญาตให้ใช้ ดัดแปลง ทำสำเนา และเผยแพร่ โดยต้องอ้างถึงเจ้าของผลงาน
             อนุญาตให้ใช้ ดัดแปลง ทำสำเนา และเผยแพร่ โดยต้องอ้างถึงเจ้าของผลงาน และถ้ามีการแก้ไขต้นฉบับต้องอ้างถึงสัญญาเดิม
              อนุญาตให้ใช้ ดัดแปลง ทำสำเนา และเผยแพร่ได้ โดยต้องมีการอ้างถึงเจ้าของผลงานและห้ามใช้ทางการค้า
              อนุญาตให้ใช้ ดัดแปลง ทำสำเนา และเผยแพร่ได้ โดยมีการอ้างถึงเจ้าของผลงานและห้ามมีการแก้ไขต้นฉบับ
เกร็ดความรู้
                ครีเอทีผคอมมอนส์ ( Creative commons : CC )
           เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการใช้และการเผยแพร่สื่อต่างๆ มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้การใช้สื่อที่มีโดยยังรักษาสิทธิ์ของเจ้าของผลงาน บุคคลอื่นสามารถใช้และเผยแพร่สื่อได้ตามเงื่อนไขที่เจ้าของผลงานกำหนด เช่นต้อง ระบุที่มาของสื่อ ( Attribution : by ) ห้ามใช้ทางการค้า ( Noncomercial : nc ) ห้ามแก้ไขต้นฉบับ ( No Derivative work :nd ) ถ้ามีการแก้ไขต้นฉบับต้องอ้างถึงสัญญาเดิม ( ShareAlike : sa )

แหล่งที่มา:https://sites.google.com/site/kruyutsbw/2-5-criythrrm-ni-lok-khxng-khxmul

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น